วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พ่อกับลูกชาย

อีกเรื่องหนึ่งที่ควรดู........

ลูกชายชวนพ่อ ว่า 'พ่อจะร่วมแข่งมาราธอนกับผมมั้ย??'
พ่อซึ่งเป็นโรคหัวใจอยู่ ตอบว่า 'ตกลง'
แล้วทั้งสองก็เข้าร่วมและจบการแข่งขันมาราธอนครั้งนั้นด้วยกัน
พ่อและลูกชายคู่นี้เข้าร่วมแข่งขันมารธอนอื่นๆ ต่อมา

แล้ววันหนึ่ง ลูกชายก็ถามพ่อว่า 'พ่อ.. เราไปลงแข่ง 'คนเหล็ก' ด้วยกันมั้ย และเช่นเคย พ่อก็ตอบว่า 'ตกลง'

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ คนเหล็ก คือ การแข่งขันไตรกีฬาสุดโหดที่สุดการแข่งขันประกอบด้วย การแข่งสุดยอดความทรหด 3 รายการเริ่มด้วยว่ายน้ำในทะเล ระยะทาง 3.86 กม.ต่อด้วยการปั่นจักรยาน ระยะทาง 180.2 กม.ปิดท้ายด้วยการวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กม.ไปตามชายฝั่งของเกาะใหญ่

พ่อและลูกชายได้เข้าร่วมการแข่งขันคนเหล็กและจบการแข่งขันด้วยกัน

คุณเคยล้มหรือไม่ ?

พี่สาวผมส่ง youtube อันนี้มาให้ คิดว่าน่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้ใครที่คิดว่าตนเองกำลังประสบปัญหาลำบาก ได้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง


วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ชัดลึก ชัดตื้น

ในการถ่ายภาพคำว่า “ชัดลึก” “ชัดตื้น” มักมี “ความเข้าใจผิด” ส่วนใหญ่คิดว่าชัดตื้นคือวัตถุที่อยู่ใกล้ชัด วัตถุที่อยู่ไกลเบลอ ส่วนชัดลึกคือวัตถุที่อยู่ใกล้เบลอ แต่วัตถุที่อยู่ไกลชัด ดังภาพด้านล่าง

ภาพแรกคนมักเรียกว่าชัดตื้น ภาพที่สองคนมักเข้าใจว่าคือ ชัดลึก

แต่จริงๆ แล้วภาพทั้งสองภาพนี้เราเรียกว่าชัดตื้น โดยความหมายที่ถูกต้องของภาพชัดตื้นคือหากเราโฟกัสที่ไหน ส่วนที่อยู่ในระยะที่ใกล้หรือไกลจากจุดสนใจจะเบลอหรือชัดน้อยกว่า ในขณะที่ภาพชัดลึกคือภาพที่ไม่ว่าเราโฟกัสที่ใด ส่วนที่อยู่ใกล้หรือไกลก็ชัดเช่นเดียวกัน ตามตัวอย่าง


โดยปกติเรามักถ่ายภาพชัดลึกกับภาพมุมกว้่างที่เน้นวิวทิวทัศน์ ส่วนภาพชัดตื้นมักใช้กับภาพบุคคลเพื่อให้ตัวแบบเด่นกว่าฉากหน้าหรือฉากหลังที่เราไม่ต้องการ



วิธีการถ่ายภาพเพื่อให้ได้ชัดลึกชัดตื้นมีหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกใช้ช่วงซูมของเลนส์ การกำหนดขนาดรูรับแสง ระยะห่างระหว่างกล้องกับแบบ ซึ่งผู้ใช้กล้องต้องเข้าใจวิธีการปรับแต่งกล้องพอสมควร ในที่นี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ทั่วๆ ไปที่ใช้กล้อง compact ธรรมดา ดังนี้
  1. เปลี่ยนจากการใช้โหมด Auto ไปเป็นโหมดถ่ายภาพวิว หากต้องการให้ภาพชัดลึก และเปลี่ยนไปใช้โหมดภาพกีฬา หรือภาพบุคคล หากต้องการภาพชัดตื้น
  2. หากต้องการภาพชัดตื้น ให้เข้าไปใกล้ตัวแบบมากๆ แต่อย่าใกล้เกินไปจนโฟกัสไม่ได้ หรือใช้วิธีถอยห่างจากตัวแบบแล้วใช้วิธีซูมเข้าไป (Zoom In)
  3. หากต้องการภาพชัดลึก ใช้วิธีซูมออก (Zoom Out) แต่ก็ไม่ควรเข้าใกล้วัตถุหรือตัวแบบจนเกินไป

หากมีเวลาก็ลองทดลองดูนะครับว่าได้ผลอย่างที่ต้องการรึเปล่า….

Blog คืออะไร?

Blog มาจากศัพท์คำเต็มว่า WeBlog บางท่านอ่านว่า We-Blog บางท่านอ่านว่า Web-Log อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน นั่นก็คือบล็อก (Blog)

Blog เป็นการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเฉพาะด้าน เช่น กีฬา การเมือง ท่องเที่ยว ธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง

มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือนเนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น

จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง

ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq

ที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ สิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

…………………………………………………….reference : keng.com

แนะนำตัวอย่างบล็อกที่น่าสนใจเพิ่มเติม
http://www.exteen.com ของเว็บ pantip
http://www.blogger.com บริการบล็อกของ google
http://gotoknow.org และ http://learners.in.th บล็อกความรู้ที่ชัดเจนของไทย
http://www.oknation.net/blog บล็อกยอดนิยมอีกแห่งของไทย

แหล่งสารสนเทศ (Information Sources)

แหล่งสารสนเทศ หมายถึง "สถานที่ที่มีสารสนเทศสะสมอยู่ และเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถเข้าใช้สารสนเทศเหล่านั้นได้"

แหล่งสารสนเทศ แบ่งได้เป็น 7 ประเภท ดังนี้

  1. แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบัน จำแนกได้ดังนี้
    - ห้องสมุด (Library) คือสถานที่รวมทรัพยากรสารสนเทศสาขาวิชาต่าง ๆ ที่อยู่ในรูปของวัสดุตีพิมพ์และวัสดุไม่ตีพิมพ์ รวมทั้งฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมีบรรณารักษ์เป็นผู้บริหารงาน และดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ห้องสมุด
    - ศูนย์สารสนเทศ (Information Center) แหล่งสารสนเทศประเภทนี้แต่ละแหล่งมีชื่อต่าง ๆ กัน อย่างไรก็ตามล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อบริการสารสนเทศเฉพาะสาขาวิชา เช่น ศูนย์สารสนเทศทางการเกษตรแห่งชาติ ศูนย์เอกสารประเทศไทย ศูนย์ข้อมูลทางเทคโนโลยี และศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร
  2. แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ ได้แก่ อนุสาวรีย์ โบราณสถาน อุทยานแห่งชาติรวมถึงสถานที่จำลองด้วย เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปราสาทหินพิมาย เมืองโบราณ เป็นต้น แหล่งสารสนเทศเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นแหล่งที่เข้าถึงได้ไม่ยากนัก ข้อด้อยของแหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ก็คือ สถานที่บางแห่งอยู่ไกล การเดินทางไปสถานที่แห่งนั้นต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
  3. แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในสาขาต่างๆ ผู้ต้องการสารสนเทศจากบุคคลต้องไปพบปะสนทนาหรือสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญนั้นโดยตรงจึงจะได้สารสนเทศที่ต้องการ
  4. แหล่งสารสนเทศที่เป็นเหตุการณ์ ได้แก่ กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การประชุมการสัมมนาในเรื่องต่าง ๆ นิทรรศการหรืองานแสดงต่างๆ รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญๆ ในประวัติศาสตร์ เช่น "14 ตุลา"ในปี พ.ศ. 2516 "พฤษภาทมิฬ" ในปี พ.ศ. 2535 เป็นต้น
  5. แหล่งสารสนเทศที่เป็นสื่อมวลชน เป็นแหล่งสารสนเทศที่มุ่งเผยแพร่สารสนเทศ ข่าวสาร เหตุการณ์ ต่อประชาชน โดยเน้นข่าวสารเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ รวมทั้งสาระความรู้ในเรื่องต่างๆที่เป็นประโยชน์ โดยวิธีการแพร่กระจายเสียง ภาพ และตัวอักอักษร ผ่านสื่อประเภทโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์
  6. ศูนย์บริการสารสนเทศแบบซีดีรอม และแบบออนไลน์ ศูนย์บริการประเภทนี้มีวิวัฒนาการ สืบเนื่องมาจากศูนย์สารสนเทศที่ได้อธิบายไปข้างต้น เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ก้าวหน้ามากขึ้น ศูนย์ฯ จึงนำ IT มาเป็นเครื่องมือ ในการให้บริการแก่ลูกค้า เพราะสามารถให้บริการได้สะดวกและรวดเร็วกว่า IT ที่ ศูนย์บริการสารสนเทศนำมาใช้มีทั้งการจัดทำเป็นซีดีรอมให้ผู้ขอซื้อบริการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ บรรดาห้องสมุดต่างๆ และการจัดบริการออนไลน์ ให้ห้องสมุดต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาบทความ ในฐานข้อมูลที่ศูนย์ได้จัดทำขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ซีดีรอมนั้น มีปัญหาในเรื่อง ความสมบูรณ์ และทันสมัยของเนื้อหา ดังนั้นจึงนิยมใช้การค้นแบบออนไลน์มากกว่า แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
  7. อินเทอร์เน็ต เป็นแหล่งสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย สำนักข่าวสาร และสมาคมวิชาชีพ ต่างก็จัดทำข้อมูลประชาสัมพันธ์ออกมาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้อินเทอร์เน็ตประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศมากมาย